อะไรคือ การไอเดทแบบ IF (Intermittent Fasting) และทำยังไง
ปัจจุบันนั้นหลายคนต่างหาวิธีในการดูและสุขภาพให้กับตัวเอง หลัก ๆ เลยก็คือการลดความอ้วน ซึ่งวิธีที่นิยมกันที่สุดก็คือการออกกำลัง และควบคุมอาหารเพราะถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดนั่นเอง การไดเอทนั้นก็มีหลากหลายวิธีหลายสูตร แต่ที่จะนำมาให้รู้จักกันก็คือ IF (Intermittent Fasting) นั่นเองวิธีนี้คือการจำกัดเวลาในการทานอาหาร และในการทานแต่ละครั้งตอนทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยมีตัวอย่างดังนี้
- อด12 ชั่วโมง ช่วงรับประทาน 12 ชั่วโมง – เป็นช่วงเวลาที่ทำได้ไม่ยาก เหมาะสำหรับคนเริ่มต้น อย่างเช่น เราทานมือแรก 09.00 น. ในระหว่างวันก็ทานในปริมาณที่พอดี ให้ได้สารอาหารครบ หลังจาก 21. 00 ก็งดเลยทานได้แต่น้ำ
- อด 16 ชั่วโมง ช่วงรับประทาน 8 ชั่วโมง – สูตรนี้มีคนนิยมทำกันมากที่สุด และต้องใช้ความอดทนมากพอสมควร เพราะต้องห่างหายจากการรับประทานถึง 16 ชั่วโมงกันเลย
- Spontaneous Meal Skipping – วิธีนี้เป็นการงดมื้อที่ไม่หิว (หลาย ๆ คนหิวทุกมื้อ ฮ่า) อย่างเช่นตื่นมาแล้วไม่หิวก็งดมื้อเช้าไปเลย แต่ไม่ต้องไปชดเชยมื้ออื่นก็แล้วกันและควรจะทานแต่พอดี และให้สารอาหารครบในมื้อที่เหลือ
- eat stop eat – วิธีคือต้องมีความอดทนสูงมาก คือในแต่ละสัปดาห์จะทำ 2 ครั้ง คือการงดทาน 1วันเต็ม ๆ
- Warrior Diet – วิธีนี้คือวานวันละมื้อ และสามารถจัดหนัก (สารอาหารครบทุกหมู่)
- ข้อดีของการไดเอทแบบ IF
มีผลการศึกษาพบว่าการทำ ฮอร์โมน HGH (Human Growth Hormone) ที่เป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตจะสูงขึ้นถึง 5เท่า นั่นทำให้การสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาผลาญไขมันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และยังไปช่วยกระตุ้น insulin ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
- ข้อเสียขอการไดเอทแบบIF
ยังไม่มีข้อบ่งชี้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับผลเสีย แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องลำบากที่จะต้องทานในแต่ละมื้อให้สารอาหารครบถ้วน หรืออาจจะไม่เหมาะกับคนที่ทำงานหนักทั้งวัน ซึ่งหากทำไม่ได้ก็ควรจลองทำในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แทน
สรุป
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การไอเดทแบบ IF (Intermittent Fasting) นั้น ไม่ใช่การอดอาหาร แต่เป็นการจัดเวลาทานให้ตรงตามเวลาอย่างมีวินัย หากใครจะทำวิธีนี้ในช่วงที่สามารถทานได้ควรจะทานครบทุกหมวดหมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม หากใครไม่แน่ใจเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ในช่วงการอดอาหารควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพราะนอกจากจะช่วยลดความหิวได้แล้วยังช่วยให้ร่างกายสดชื่นอีกด้วย